Follow my soul ,, ♥

เขียนไปเท่าที่ใจอยาก

► บทที่ 3 :: JR pass ผู้ช่วยชีวิต April 5, 2010

,, ใครๆก็ว่าค่าเดินทางที่ญี่ปุ่นน่ะแสนแพง…. อันนี้ก็ไม่ขอเถียง
แต่ทางญี่ปุ่นเค้าก็ไม่โหดร้ายเกินไปหรอกค่ะ แลดูจะใจดี ออกตั๋วแบบเหมาจ่ายมาให้แทบจะในทุกเมือง
อย่าง JR pass ที่จั่วหัวในวันนี้ ก็เป็นหนึ่งทางที่ช่วยนักท่องเที่ยวตาดำๆลดหย่อนค่าเดินทางลงไปได้เยอะ
นอกจาก JR pass แล้ว แต่ละหัวเมือง (อูย เรียกซะโบราณ = =’) อืม… ในแต่ละเมืองใหญ่ๆ
หรือกระทั่งเมืองเล็กๆที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ก็แข่งกันประโคมเอาใจนักท่องเที่ยว
ด้วยการออกตั๋ว 1 day 2 days กันทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ
แถมยังมี package ทัวร์ออกมาให้อีกพรึ่บ ขึ้นสายนี้ ต่อขบวนนี้ ในราคาเพียงเท่านี้ บลาๆๆๆ ก็ว่ากันไป

มาพูดถึงเรื่อง 1day-2days pass กันซะหน่อย
เมื่อปีก่อน ลูลิไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังแอ๊บแบ๊วขี้ขลาด จ้องเที่ยวแต่ในโตเกียวอยู่ค่ะ
ครั้งนั้นไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย คิดว่าไปวันละ 2 ย่าน ก็น่าจะโอเค
(เที่ยวได้ชิวมหาศาลบานตะไท = =’)
ด้วยการเดินทางที่ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า ไม่ได้ศึกษาอะไรมาก่อนเลย
เรา 2 คน ก็เลยเลือกไปตายเอาดาบหน้าค่ะ

ตอนกดบัตรรถไฟครั้งแรก ก็แอบเห็นแหละว่า มันมีตั๋ว 1day pass ให้กดด้วย
รวมรถไฟใต้ดินทั้ง 2 บริษัท (โตเกียว 7 สาย โทเฮอีก 4 สาย) ในราคา 1000 เยน
ถ้าเลือกเอาแค่บริษัทเดียว ก็บริษัทละ 700 เยน
ยืนคิดกันอยู่หน้าตู้ นานมว๊ากกกกกก
ถ้าเลือกบริษัทเดียว มันก็ไม่ครอบคลุม ต่อขบวนลำบาก นั่งอ้อม บลาๆๆ
แต่ถ้าเหมา 1000 เยน ก็แลดูจะแพงเกินไป วันนึงเราจะนั่งถึง 1000 เยนมั๊ยน๊า??
ว่าแล้วก็เลยลองกดดู ว่าสถานีนึงมันเท่าไหร่กัน!!
รถไฟฟ้าใต้ดินที่ญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 190 เยนค่ะ แล้วราคาก็จะเพิ่มตามระยะทางเหมือนกับบ้านเรา
แต่ลองคิดคร่าวๆ วันนึงไป 2-3 ที่ ขึ้นทีนึงก็ไม่น่าเกิน 250 เยน
พึมพำๆๆๆๆ  สรุปแล้ว ทริปนั้น มันก็เลยจบที่ ไปไหนทีก็กดทีค่ะ
บางวันก็ไม่ถึง 1000 เยน ก็กลับบ้านนั่งหัวเราะกัน ว่าดีนะที่ไม่ซื้อ (หัวเราะทำไม?!!)
แต่วันไหนที่เกิน 1000 เยน ก็มานั่งบ่นกัน “รู้งี๊จ่ายเหมาก็ดีอะ…”

ส่วนทริปครั้งนี้ วางแผนอยู่ในโตเกียวแค่ 2 วัน
วางแผนอย่างดีว่าจะไปไหนบ้าง (ว่างงานก็เงี๊ยะ)
สุดท้ายเลยตกลงปลงใจได้ว่า
วันแรก จะซื้อบัตร JR 1 day pass เพราะว่าที่ที่จะไป มี JR ผ่านทั้งหมด
วันที่สอง จะซื้อบัตร metro 1 day pass เพราะว่าที่ที่จะไป นั่ง JR แล้วอ้อมมากกกกกกกก
แหม่… วางแผนไว้ก่อนนี่มันก็ดีตรงนี้นี่เองล่ะ ^^

.

.

ก็อย่างที่บอกค่ะ แพลนว่าจะอยู่โตเกียวแค่ 2 วัน
ส่วนอีก 6 วันที่เหลือ เราจะไปลุยต่างจังหวัดกัน (เที่ยวแต่โตเกียวก็น่าเบื่อตายซี่ = 3=)
วิธีการเที่ยวแบบไม่ให้เหนื่อยมาก ก็คือเลือกจังหวัดศูนย์กลาง พักที่เดิม แล้วอาศัยนั่งรถเที่ยวรอบๆเอา
(แค่ไม่ต้องย้ายโรงแรม ไม่ต้อง pack กระเป๋าทุกวัน ก็สุขเหลือหลายแล้วล่ะค่ะ)
แล้วระบบขนส่งมวลชนของญี่ปุ่นก็เรียกได้ว่าเริ่ดสะแมนแตนอยู่แล้ว
นั่งรถครึ่งประเทศ ก็แค่ 3 ชั่วโมงเอ๊ง…

แต่… เวลาไม่ใช่ปัญหาค่ะ
ปัญหามันคือ “ตังค์!!!!!”

ลองยกตัวอย่าง โอซาก้า-ฮิโรชิม่า
2 เมืองนี้ นั่งรถชินคันเซนแบบเร็วธรรมดา (Hikari) จะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง
แต่ค่ารถ ปาไป 9,950 เยน!!!!
(คุณเป็นเงินไทยที่อัตรา 100เยน=35บาท ก็ตกประมาณ 3482.50 บาท)
ไป 3 คน ก็………………. คูณเอา = =’

นี่แค่เมืองเดียว และขาไปอย่างเดียวนะคะ
ยังมีขากลับอีก 1 เท่าตัว แล้วก็ไปเมืองอื่นๆอีก (ยิ่งไกลยิ่งแพงอีกนะ)
โอ้ว… ไม่อยากจะบรรยาย
เพราะฉะนั้น พระเอกของเรา…. แต่นแต๊นนน JR PASS ค่ะ

พระเอกของเราทำอะไรได้บ้าง
ก็จะสามารถขึ้นรถลงเรือทั้งหมดที่เป็นของบริษัท JR (Japan Railways) ได้ไงคะ
ตั๋วจะแบ่งออกเป็น 7 วัน 14 วัน แล้วก็ 21 วัน
แต่ละแบบก็จะแบ่งออกเป็นตั๋ว Green ที่เรียกว่าไฮโซววสุดๆ (มิอาจเอื้อม -*-)
กับตั๋วแบบ Ordinary คือแบบชนชั้นคนธรรมดาอย่างเราๆค่ะ
(เค้าก็บอกกันว่า Ordinary ก็พอแล้วนะ สบายกว่าเมืองไทยแยะอยู่ละ ^^)
ลูลิเลือกซื้อตั๋วแบบ Ordinary 7 วัน ในราคา 28,000 เยนค่ะ
ลองเทียบราคาดูสิคะ แค่ไป-กลับ ฮิโรชิม่าก็เกือบ 2หมื่นเยนละ
ยังเหลือโอซาก้า เกียวโต นารา คามาคุระ โยโกฮาม่า แล้วก็นิกโก้อีก
แบบนี้ต้องวิ่งไปจุ๊บคนคิดฟอดโตๆแทนคำขอบคุณแล้วล่ะ “ยอดไปเลยจอร์จจจ!!”

.

.

สำหรับตั๋ว JR pass นี้ เป็นของขวัญที่ทางการญี่ปุ่นจัดให้สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นค่ะ
เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะสามารถซื้อได้จากนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ
โดยผ่านบริษัททัวร์ที่ได้รับการรับรองจากทางญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเมืองไทย ก็มีอยู่หลายที่เลยล่ะค่ะ แถวๆสีลม สาทร ธนิยะ เพียบ!!

พอดีว่าวันนั้นลูลิไปชุมนุมเสื้อชมพู เอ๊ยไม่ใช่ >< ไปปรึกษาเรื่องที่เที่ยวที่ JNTO
(องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น) ตรงอาคารรามาแลนด์ แถวๆต้นถนนสีลมค่ะ
ก็เลยตัดสินใจเดินไปที่ตึกธนิยะ เพื่อซื้อ JR pass ด้วยซะเลย
ที่ธนิยะมีตัวแทนจำหน่าย JR pass อยู่หลายที่เลยล่ะค่ะ
แต่ว่าอากาศมันร้อนนนนน ลูลิก็เลยเลือกแว่บบบ เข้าไปในห้างธนิยะซะเลย (เย็นฉ่ำ 5555+)
เดินหาอยู่ซักพัก ก็เจอห้องเล็กๆของบริษัท Siam MC tour ค่ะ
เจ้าหน้าที่ (คาดว่าเป็นลูกชายเจ้าของ) ก็จัดแจงออกตั๋วให้ พร้อมอธิบายเป็นอย่างดี
ต้องไปแลกตรงไหน ใช้ยังไง บลาๆๆๆๆ
(ฟังอย่างเดียวค่ะ เพราะว่าเดินมามันเหนื่อย คิดตามไม่ทัน 5555+)

จ่ายตังไป 30,000 บาท ได้กระดาษกลับมา 3 ใบ……
โอ๊ยยยย เจ็บปวดรวดร้าวเสียนี่กระไร…
คงเพราะเห็นสีหน้าคนขี้งกออกอาการอย่างรุนแรง พี่เจ้าหน้าที่ก็เลยหัวเราะหน่อยๆ
แล้วก็จัดแจงหยิบบัตรลดราคา Universal studio Japan (USJ) มาให้
แฮ่…. ค่อยยิ้มออกหน่อย ><
ลดไม่เยอะหรอกค่ะ ประมาณ 300 เยน… แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ชิมิ ^^”


ได้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้ (กระดาษ 3 ใบ อยู่ในนั้น)


เปิดข้างในให้ดู (ข้างบนนั่นตั๋วเครื่องบิน ไม่เกี่ยวกัน)

คุณพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เวลาไปถึงนาริตะ ก็ให้เอาตั๋วนี่
พร้อมกับพาสปอร์ตที่มีสติ๊กเกอร์ของตม.ไปยื่น (ถ้าไม่มีสติกเกอร์นี่ ละจะเข้าประเทศได้ไงฟระ = =’)
เค้าก็จะให้บัตรที่เรียกว่า JR PASS มาให้เรา
ของลูลิยังไม่ได้นะคะ (ยังนั่งต๊อกอยู่เมืองไทย จะมีได้ไง = =)
อันนี้ยืมของพ่อกับแม่ที่ไปหนีไปเที่ยวกันสองคนมาถ่ายให้ดูเล่นก่อน ^^


JR pass คือเล่มๆตรงกลางค่ะ ขนาดเท่าฝ่ามือ กางออกมาก็จะเป็นเหมือนเล่มขวาสุด
ส่วนใบๆ ฟ้าๆกับดำๆ ทางซ้าย นี่คือตั๋วเวลาเราไปจองที่ บุคที่นั่งอะไรแบบนั้น

เอาล่ะ อุปกรณ์ครบ ที่พักเรียบร้อย แผนพร้อม.. มีเท่านี้ก็ไปญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจแระ
เหลืออีกอย่างเดียว ที่เป็นห่วงสุดแสนจะกังวัลฤทัย…
“เสื้อผ้าล่ะ!! ยังไม่มีชุดน่ารักๆใส่ไปหาหนุ่มญี่ปุ่นเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!”
ปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิต รีบไปจัดกระเป๋าก่อนดีฝ่า~~~ >////////<

หนุ่มๆจ๋าาาาาา รอลูลิด้วยยยยยยยยยยยยยยยย~~~~~ ♥

 

3 Responses to “► บทที่ 3 :: JR pass ผู้ช่วยชีวิต”

  1. มะตะโอ๊ว Says:

    อย่าลืมตัง ฮ่าๆๆ

  2. fake Says:

    ฮ่าๆๆ เห็นด้วยกับมะต๋าวค่ะ ^^

  3. ฮตั๊กแจ Says:

    พี่ลิ๊!!!!!!!

    ต้องคิดถึงเค้าตลอดเวนะ

    อิอิ

    ขอให้เที่ยวหนุกๆน๊า

    กลับมาเขียนหนังสือ เที่ยวญี่ปุ่นแบบลูลิ๊ ดีเป่า ฮี่ๆๆๆ

    กอดดดดดดด

    จุ๊บๆค๊า


Leave a comment