,, มัวแต่บ้าเด็กๆ Hey! Say! JUMP เลยไม่ได้เขียนเรื่องที่ควรจะเขียนต่อซักที ><
บลอคเริ่มเละเทะละเนอะ เขียนหลายเรื่องเกิน 555+
วันนี้ก็ใกล้ถึงวันที่จะขอวีซ่าละ ก็เลยมาอัพเดทเรื่องการขอวีซ่าซะหน่อย
หลายคนอาจจะรู้แล้วล่ะเน๊าะ ว่ามันเปลี่ยนวิธีการขอแล้ว
เมื่อก่อนนี้จะต้องไปเข้าคิวแต่เช้ามืดกันหน้าสถานฑูตใช่มั๊ยคะ
ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนะ ต้องกรอกเอกสาร(ผ่าน internet)ก่อน
แล้วก็ปริ๊นออกมา แล้วเอาไปยื่นพร้อมกับเอกสารอื่นๆ ในวันสัมภาษณ์
ข้อดีก็คือไปทีเดียว ข้อเสียก็คือ…. มันโคตรยุ่ง -*-
.
.
.
เริ่มกันที่ตรงไหนดี… ?
ก็ต้องเริ่มกันที่การกรอกเอกสารสินะ ^^”
ก่อนจะกรอกเอกสาร ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนนะคะ
เอกสารทุกอย่างที่มีต้องวางเรียงไว้ข้างหน้า พร้อมหยิบใช้ในทันที!! (ทำเสียงตื่นเต้นประกอบ…!!)
นี่ไม่ได้ขู่นะคะ… *ยิ้มหวาน*
ที่บอกว่าต้องเตรียมให้พร้อมเพราะว่า ไอ้เจ้าเวปที่กรอกนี่มันติงต๊องค่ะ
มันจำกัดเวลาเราด้วย ว่าอยู่ในระบบได้นานแค่ไหน เหมือนเล่นเกมเนอะ….แต่ไม่สนุกเลย -*-
หน้าจอมรณะ -*- เกลียดสุดๆ
หน้าจอเจ้ากรรมนี้ จะขึ้นมาเมื่อเราใช้เวลากรอกแต่ละหน้านานเกินไปค่ะ
มันขึ้นแล้วทำไงต่อ?… ง่ายนิดเดียว กรอกใหม่ค่ะ 55555+
แล้วขอบอกว่า มัน-เยอะ-และ-ยุ่ง-มาก(กกกกกกก)
.
.
.
เอกสาร/ข้อมูลที่จะต้องมี (สำหรับวีซ่า F1 หรือวีซ่านักเรียน)
• ข้อมูลส่วนตัว (ไม่ต้องวางก็รู้กันอยู่แล้วมั๊งอันนี้ 555+)
• พาสปอร์ต (เลขพาสปอร์ต, วันออก, วันหมดอายุ)
• ข้อมูลส่วนตัวของพ่อแม่ และสปอนเซอร์ (ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, สถานที่เกิด)
• ข้อมูลของบริษัทที่เคยทำงานมา (ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร, ตำแหน่ง, เงินเดือน, วันเริ่มงาน, วันลาออก)
• ข้อมูลเพื่อนที่อยู่ในประเทศไทย 2 คน (ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร, อีเมลล์)
• เลข SEVIS … ต้องจ่ายเงินค่า SEVIS ก่อนกรอกนะจ๊ะ
• เลข I-20 … นั่นแปลว่าจะต้องได้รับเอกสารก่อนถึงจะกรอกได้
แล้วก็ต้องมีรูป(เป็นไฟล์) ขนาด 2นิ้วx2นิ้ว แบบขอวีซ่าอเมริกา
(อย่าลืมว่ามันไม่เหมือนชาวบ้านนะ = =’) เตรียมพร้อมเอาไว้ด้วยนะคะ
1. รูปถ่ายต้องถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน
2. รูปถ่ายต้องมีขนาด 2×2 นิ้ว (5×5 ซ.ม.)
3. รูปถ่ายช่วงศีรษะของผู้สมัครต้องมีขนาดระหว่าง 1 นิ้ว ถึง 1 3/8 นิ้ว (2.5 ถึง 3.5 ซ.ม.) เมื่อวัด
ในแนวตั้ง
4. พื้นหลังรูปถ่ายต้องเป็นสีอ่อนเรียบๆ เป็นภาพถ่ายใบหน้าตรงและผู้สมัครมองตรงที่กล้อง
.
.
.
เอาเอกสารวางแผ่ไว้เลยค่ะ
แล้วก็เข้าไปกรอกได้ที่ ► https://ceac.state.gov/genniv/
ค่อยๆอ่าน ค่อยๆกรอกไป ไม่ยากหรอกค่ะ *ยิ้มให้กำลังใจ*
แนะนำว่าให้ทำไปเซฟไป ลำบากนิดหน่อยตอนเซฟ แต่ก็ดีกว่า time out แล้วต้องกรอกใหม่ทั้งหมดเนอะ ^^
(รอบแรกๆก็ยังสนุกอยู่หรอก แต่รอบ 3 นี่ก็เริ่มไม่ไหวละ -*-)
ตอนแรกคิดว่าจะแคปมาทำ how to ทีละหน้าเลย
แต่ว่าพอดีว่าไปเจอ “คู่มือ” ที่ทางสถานฑูตเค้าอำนวยความสะดวกให้
ประกอบกับมีคนทำบลอค how to ขอวีซ่าอเมริกาเยอะไปหมด
ขอละเอาไว้ละกันเนอะ ^^
ส่วนนี่ก็คู่มือที่ว่าค่ะ ► http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf
.
.
.
ข้ามมาเรื่องต่อไปกันเลยดีกว่า… ^^
หลังจากที่กรอกเอกสารที่เรียกว่า D-160 นี่เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็จะได้ใบคอนเฟริ์ม (แสดงให้เห็นทางหน้าจอกับส่งเข้าเมลล์) ให้ปริ๊นออกมา
หน้าที่ต่อจากนั้น ก็คือการไปจองวันสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ
พี่ที่เอเจนท์บอกลูลิว่า “ถ้าไม่ได้วันที่ต้องการอย่าเพิ่งจอง วันมันจะแอบโผล่ขึ้นมาเอง”
ลูลิก็เชื่อฟัง นั่งรีเฟรชหน้าจออยู่เป็นอาทิตย์ (ยังไงก็ต้องรอ offer letter จากมหาลัยด้วย เลยไม่รีบ = =)
วันที่ต้องการก็ยังไม่โผล่ เต็มรวดยาวไปถึงเดือนสิงหาโน่น
เอาล่ะสิ = =’ เมื่อวันใกล้เข้ามา วันของเดือนกรกฎาคมก็เต็มไปจนหมด
เปิดมาเจอมันส้มหมดจอนี่กรี๊ดสนั่นอ่ะค่ะ = =’ (สีส้ม=เต็ม)
นาทีนั้นก็เลยตัดสินใจกดจองวันที่เร็วที่สุดไป
นั่นก็คือวันที่ 3 สิงหาคม….
กระชั้นมาก ใกล้มาก ใกล้วันบินเกินไปจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง T^T
ปรึกษากับทางเอเจนท์ เอเจนท์ก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามันจะโผล่ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวจริงๆ
แต่นาทีนี้ ลูลิเสี่ยงไม่ได้แล้วค่ะ
ก็เลยทำใจ เลยตามเลย วันที่ 3 ก็ 3
แต่อยู่บนพื้นฐานเดียวคือ วีซ่าต้องผ่านเท่านั้น!!
วิธีจองก็สุดง่าย (ยากแค่ตรงทำใจ T^T) เหมือนจองตั๋วคอนเสิร์ตยังไงยังงั้น ><
มันจะมีวันที่เป็นปฎิทินให้เลือก พอกดวัน แถบข้างๆก็จะโผล่ขึ้นมาว่ามีเวลาไหนบ้าง
เรากดเลือก ก็เป็นอันเสร็จ!!
ง่ายมากใช่มั๊ยคะ…. แต่พอเราเลือกเสร็จ มันจะมีคำเตือนโผล่ขึ้นมาแดงเถือกให้อกสั่นขวัญแขวนเล่น
ใจความคือ “แน่ใจแล้วนะที่จะบุควันนี้ คุณเปลี่ยนได้ 2 หน
แต่.. เปลี่ยนแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะบุคได้นะ เพราะฉะนั้นก็คิดดีๆก่อนเปลี่ยนด้วย”
จะเตือนหรือจะขู่…. เอาให้แน่ = =’
หลังจากคอนเฟิร์มไปเรียบร้อยแล้ว
ก็จะมีเมลล์ส่งเข้ามายืนยันค่ะ แสดงวันและเวลานัด พร้อมคำเตือนแดงเถือก(อะเกน) ติดมาด้วย
.
.
.
หลังจากที่บุควันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ต้องทำต่อไป ก็คือการไปจ่ายเงินค่าวีซ่าค่ะ
เราสามารถจ่ายเงินค่าวีซ่าได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศเลย
เดินไปที่เคาท์เตอร์ บอกพนักงานว่าจ่ายค่าวีซ่าอเมริกา
พนักงานก็จะยื่นใบสีฟ้าๆมาให้ เราก็กรอกซะ แต่ไม่ต้องเขียนจำนวนเงิน
จากนั้นก็เอากลับมายื่นที่เคาท์เตอร์ เค้าก็จะถามว่าวีซ่าอะไร
ก็ตอบไปว่า “F1 ค่ะ” เค้าก็จะประมวลผลเงิน US ตามราคาวีซ่าที่เราเลือก
(กรณีของลูลิ คือ $140 ประมาณ 4พันกว่าบาท)
เสร็จแล้วเค้าก็จะประทับตราไปรษณีย์ลงตรงช่องกลมๆ
แล้วก็แมกซ์ใบเสร็จติดกับใบฟ้านี่ แล้วส่งคืนให้เรา (หลังจากส่งเงินไปแล้วนะ 555+)
ค่าวีซ่าถือเป็นขายขาดนะคะ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วก็ขอคืนไม่ได้
ไม่ว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ก็ตาม ^^
.
.
.
เอาล่ะ ทีนี้ก็ถือว่าเรียบร้อย สำหรับการเตรียมตัวขอวีซ่าแล้วล่ะค่ะ
ลูลิกลับไปเช็คเอกสารอีกทีดีกว่า ว่ายังเหลืออะไรที่เตรียมไม่เรียบร้อยบ้าง
แล้ววันที่ 3 เป็นยังไง จะมาเล่าให้ฟังใหม่น๊า ><
ขอให้(ตัวเอง)โชคดี ^^
End.
Recent Comments